ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี พ.ศ.2568 [อัปเดต] แนวโน้ม ความเคลื่อนไหว และทิศทางที่ผู้บริโภคควรรู้

ปี พ.ศ.2568 (ค.ศ.2025) เป็นอีกหนึ่งปีที่น่าจับตามองของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ท่ามกลางกระแสรักษ์โลก การสนับสนุนจากภาครัฐ และการแข่งขันจากผู้ผลิตทั้งไทยและต่างชาติที่ทยอยเปิดตัวรถ EV รุ่นใหม่ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น

บทความนี้จะพาคุณอัปเดตแนวโน้มล่าสุดของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี พ.ศ.2568 ทั้งด้านยอดขาย แบรนด์ที่น่าจับตา การสนับสนุนจากภาครัฐ ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกรถ EV ได้อย่างมั่นใจ

ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยในปี 2568

• ประเทศไทยยังคงเป็นตลาด EV ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
• คาดว่าปี 2568 จะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) มากกว่า 150,000 คัน
• รถ EV ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 20–25% ของยอดขายรถใหม่
• ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนจากรถน้ำมัน → รถ EV อย่างจริงจัง
• ราคาขายรถ EV ลดลงจากปีก่อนหน้า ทำให้ “จับต้องได้” มากขึ้น

แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มาแรงในปี 2568

หลายแบรนด์เปิดไลน์ประกอบในไทย ทำให้ราคาลดลง และเข้าถึงผู้ใช้มากขึ้น

สนับสนุนจากภาครัฐ (อัปเดตปี 2568)

รัฐบาลไทยยังคงส่งเสริมการใช้ EV ผ่านมาตรการหลากหลาย เช่น

• เงินอุดหนุนรถ EV สูงสุด 100,000 บาท (ขึ้นกับขนาดแบตเตอรี่)
• ลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนสำหรับผู้ผลิต EV ในประเทศ
• ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 2% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
• สิทธิประโยชน์จดทะเบียนรถ EV เช่น ป้ายพิเศษ, จอดฟรีในบางพื้นที่
• โครงการ EV 3.5 และ 3.5+ กระตุ้นให้ผู้ผลิตต่างชาติเข้ามาตั้งฐานในไทย

ความพร้อมของสถานีชาร์จไฟฟ้า (EV Charging Infrastructure)

• ปี 2568 มีสถานีชาร์จกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ
• มีหัวชาร์จ DC Fast Charge มากกว่า 15,000 หัว
• มีแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น EA Anywhere, EleX, EV Station PluZ
• โครงการติดตั้ง Wallbox Charger ที่บ้านได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

พฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2568

• คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับ “ค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่ารถน้ำมัน”
• ผู้ใช้รุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบ ลื่นไหล และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
• เริ่มมองรถ EV เป็น “การลงทุนระยะยาว” มากกว่าความหรูหรา
• เจ้าของบ้านนิยมติดตั้ง Wallbox เพื่อชาร์จที่บ้านแบบสะดวกและประหยัด
• แอปพลิเคชันของแต่ละแบรนด์ (Tesla App, MG iSMART ฯลฯ) มีบทบาทมากขึ้นในการควบคุมรถ

เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในปี 2568 ที่น่าจับตามอง

1. รถ EV ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท เริ่มมีหลายรุ่น เช่น Neta V-II, BYD Dolphin Lite
2. เทคโนโลยี V2L (Vehicle-to-Load) ที่สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่นได้
3. แบตเตอรี่ปลอดภัยสูงแบบ Blade Battery / LFP ถูกนำมาใช้มากขึ้น
4. การรวมแพลตฟอร์ม EV กับเทคโนโลยี AI และ Smart Home
5. การเติบโตของ EV Pickup และรถเพื่อการพาณิชย์

สรุป

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี พ.ศ.2568 คือ “ช่วงเวลาทอง” ของผู้บริโภคในไทย ทั้งด้านทางเลือกที่หลากหลาย ราคาที่เข้าถึงง่าย และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่สาย EV หรือผู้ที่กำลังเปลี่ยนจากรถน้ำมัน การเข้าใจตลาดในปัจจุบันจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ปีนี้คือจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมยานยนต์ และคุณคือส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอนาคตอย่างยั่งยืน

ติดต่อเรา

• สถานที่
  • สาขาสงขลา : 312 หมู่ 7 ตำบลบางกล่ำ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 (โชว์รูมเดนซ่า บีดี อัลติเมท สงขลา)
  • สาขาภูเก็ต : 99/99 หมู่ 5 อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 83000
• Facebook : Denza BD Ultimate
• Instagram : Denza BD Ultimate
• Youtube : Denza BD Ultimate
• Tiktok : Denza BD Ultimate
• LINE : Denza BD Ultimate
• ทดลองขับ : คลิกเลย!