แรงต้านการหมุนคืออะไร? ปัจจัยสำคัญต่อการประหยัดน้ำมันและความปลอดภัย

/
/
แรงต้านการหมุนคืออะไร? ปัจจัยสำคัญต่อการประหยัดน้ำมันและความปลอดภัย
BYD BD Auto Group

เมื่อพูดถึง “ยางรถยนต์” หลายคนอาจนึกถึงเพียงการยึดเกาะถนนหรือความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่แท้จริงแล้วยางมีบทบาทสำคัญต่อทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้พลังงานของรถยนต์มากกว่าที่หลายคนคิด หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มักถูกมองข้ามคือ “แรงต้านการหมุน (Rolling Resistance)” ซึ่งเกิดขึ้นทุกครั้งที่ยางสัมผัสและหมุนไปบนพื้นถนน

แม้แรงนี้จะดูเล็กน้อย แต่กลับส่งผลต่อการสิ้นเปลืองพลังงานของเครื่องยนต์สูงถึง 15-20% ซึ่งหมายความว่าการเลือกยางที่ถูกต้องไม่เพียงช่วยประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่ยังทำให้การขับขี่ราบรื่น ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าแรงต้านการหมุนคืออะไร? มีผลต่อรถอย่างไร? และจะเลือกยางอย่างไรเพื่อให้ทั้งคุณและรถได้รับประโยชน์สูงสุดในการเดินทางทุกครั้ง

แรงต้านการหมุนคืออะไร? ปัจจัยสำคัญต่อการประหยัดน้ำมันและความปลอดภัย

แรงต้านการหมุนคืออะไร?

แรงต้านการหมุน (Rolling Resistance) คือแรงที่ต้านทานการหมุนของยางรถยนต์เมื่อสัมผัสกับพื้นถนน ทุกครั้งที่ล้อหมุน ยางจะเกิดการเสียรูป (deformation) และเสียดสีกับพื้นผิวถนน ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานในรูปของความร้อน พลังงานที่สูญเสียไปนี้ทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้เชื้อเพลิงมากขึ้นเพื่อชดเชย

ยิ่งยางมีแรงต้านการหมุนสูงเท่าไร เครื่องยนต์ก็ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและอายุการใช้งานของยาง

ทำไมแรงต้านการหมุนจึงสำคัญต่อการประหยัดน้ำมัน

ข้อมูลจากหน่วยงานสากล เช่น สมาคมผู้ผลิตยางรถยนต์ยุโรป (ETRTO) ระบุว่าแรงต้านการหมุนมีผลต่อการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรถยนต์นั่งประมาณ 15–20%

นั่นหมายความว่า หากคุณเลือกยางที่มีแรงต้านการหมุนต่ำ จะช่วยให้

  • ใช้น้ำมันน้อยลง
  • ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว
  • ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน

ปัจจัยที่มีผลต่อแรงต้านการหมุน

แรงต้านการหมุนของยางไม่ได้เกิดจากยางเพียงอย่างเดียว แต่มีหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่

1. ส่วนผสมยาง (Compound)

  • การใช้สารเติมแต่ง เช่น ซิลิกา (Silica) ช่วยลดการสูญเสียพลังงานจากความร้อน ทำให้แรงต้านการหมุนต่ำลง
  • ในทางตรงข้าม ถ้าใช้สารประกอบที่แข็งหรือไม่ยืดหยุ่น อาจทำให้แรงต้านสูงขึ้น

2. แรงดันลมยาง

  • ลมยางอ่อนเกินไป = หน้ายางสัมผัสพื้นมากขึ้น → แรงต้านเพิ่มขึ้น
  • ลมยางพอดี = การสึกหรอสมดุล ประหยัดน้ำมัน และปลอดภัย

3. น้ำหนักบรรทุกและการกระจายโหลด

  • ยิ่งรถบรรทุกหนัก → แรงกดบนยางสูง → ยางเสียรูปมากขึ้น → แรงต้านการหมุนเพิ่มขึ้น

4. สภาพถนนและอุณหภูมิ

  • อุณหภูมิสูงเกินไปทำให้ยางสูญเสียพลังงานในรูปของความร้อนมาก
  • ถนนขรุขระหรือเปียกชื้น = แรงเสียดทานสูงขึ้น
แรงต้านการหมุนคืออะไร? ปัจจัยสำคัญต่อการประหยัดน้ำมันและความปลอดภัย

ประโยชน์ของการใช้ยางที่มีแรงต้านการหมุนต่ำ

  1. ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
    • รถยนต์ใช้พลังงานน้อยลงในการหมุนล้อ → ประหยัดน้ำมันทันที
  2. ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
    • ลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และช่วยยืดอายุยาง
  3. เพิ่มความสบายและความเงียบ
    • ยางแรงต้านต่ำมักถูกออกแบบให้ขับนุ่มนวล เงียบ ลดเสียงรบกวน
  4. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
    • การใช้น้ำมันน้อยลง = การปล่อยคาร์บอนน้อยลง → ลดมลพิษ

วิธีเลือกยางที่ช่วยประหยัดพลังงาน

1. พิจารณาดอกยางและส่วนผสมยาง

  • ดอกยางละเอียดและเรียบ = แรงต้านการหมุนต่ำ
  • ใช้สารซิลิกา = ลดการสูญเสียพลังงาน

2. ตรวจสอบฉลากยาง (Eco Sticker)

ฉลากยางเป็นมาตรฐานสากลที่บอกถึงคุณสมบัติของยาง ได้แก่:

  • Fuel Efficiency (ประหยัดน้ำมัน) : ระดับ A (ดีที่สุด) → G (แย่ที่สุด)
  • Wet Grip (การยึดเกาะถนนเปียก)
  • Noise (ระดับเสียงรบกวน)

หมายเหตุ : หากคุณต้องการยางที่ช่วยประหยัดน้ำมัน ให้เลือกยางที่มีระดับ A-C

แรงต้านการหมุนคืออะไร? ปัจจัยสำคัญต่อการประหยัดน้ำมันและความปลอดภัย

ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านการหมุน (RRC หรือ CRR)

Rolling Resistance Coefficient (RRC) คือค่าที่วัดแรงต้านการหมุนของยางเมื่อเทียบกับน้ำหนักที่กดบนยาง (หน่วย N/kN)

  • ค่า RRC ต่ำ = แรงต้านการหมุนน้อย = ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
  • ค่า RRC สูง = แรงต้านการหมุนมาก = สิ้นเปลืองน้ำมัน

ข้อควรระวังเมื่อเลือกยางแรงต้านต่ำ

  • ยางที่ประหยัดน้ำมันมากๆ บางรุ่นอาจเกาะถนนน้อยกว่ายางปกติ ต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพการใช้งาน
  • เลือกแบรนด์ที่มีมาตรฐานและตรวจสอบฉลากยางทุกครั้ง
  • อย่าลืมดูขนาดยางให้ตรงกับที่ผู้ผลิตรถกำหนด

สรุป

แรงต้านการหมุนของยางคือปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย และค่าใช้จ่ายระยะยาว การเลือกยางที่มีแรงต้านต่ำช่วยให้

  • ประหยัดเชื้อเพลิงได้ 15–20%
  • ลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานรถ
  • ขับขี่สบาย เงียบ และปลอดภัยมากขึ้น

ดังนั้นก่อนเปลี่ยนยางควรตรวจสอบฉลากยาง (Eco Sticker) และเลือกยางที่มีแรงต้านการหมุนต่ำ เพื่อทั้งประหยัดและปลอดภัยในทุกการเดินทาง

ติดต่อเรา | จองซื้อ & ทดลองขับ

อยากเป็นเจ้าของหรือสนใจทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า Denza รถยนต์ไฟฟ้าหรูที่ตอบโจทย์ทั้งครอบครัวและสมรรถนะขั้นสุด ติดต่อ Denza BD Ultimate ได้ทุกสาขาพร้อมทีมงานให้คำปรึกษาและบริการครบวงจร

หมวดหมู่

ป้ายกำกับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

things-know-before-buying-ev-th-cover
6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับมือใหม่
รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดยานยนต์ยุคปัจจุบัน ด้วยประโยชน์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและความปร...
Brake cover
น้ำมันเบรกคืออะไร? และสัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนน้ำ...
เมื่อพูดถึงระบบเบรกของรถยนต์ หลายคนอาจนึกถึงเพียงผ้าเบรกหรือจานเบรก แต่จริงๆ แล้ว น้ำมันเบรกก็เป็นหั...
Tire cover
แรงต้านการหมุนคืออะไร? ปัจจัยสำคัญต่อการประหยัดน้ำ...
เมื่อพูดถึง “ยางรถยนต์” หลายคนอาจนึกถึงเพียงการยึดเกาะถนนหรือความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่แท้จริงแล้วยา...
cover Denza Z9 Sedan
รถยนต์ไฟฟ้า DENZA Z9 Sedan ซีดานไฟฟ้าหรูที่เปลี่ยน...
รถยนต์ไฟฟ้า DENZA Z9 Sedan คือซีดานไฟฟ้าระดับพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Denza ภายใต้เครือ BYD ท...
cover mpv_van_slide
ยอดจดทะเบียนสะสมครึ่งปีแรกของปี 2025 กลุ่ม MPV ในป...
รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมอย่าง Denza D9 ยังคงเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งในตลาดไทย โดยมียอดจดทะเบียนสะสมครึ...
Denza D9 VS Hyundai Staria-cover (Web H)
Denza D9 และ Hyundai Staria ศึก MPV เลือก MPV หรูพ...
ในยุคที่รถ MPV กลายเป็นตัวเลือกหลักของครอบครัวขนาดใหญ่และผู้บริหารที่เดินทางบ่อย รถยนต์จากฝั่งจีนและ...
Denza D9 VS XPeng X9-cover (Web H)
เปรียบเทียบ Denza D9 กับ XPeng X9 ศึก MPV ไฟฟ้าหรู...
รถ MPV ไฟฟ้าระดับหรูจากจีนกำลังร้อนแรงในตลาดโลก โดยเฉพาะในปี 2025 ที่สองรุ่นยอดนิยม ได้แก่ Denza D9 ...
Denza D9 VS MG Maxus 9-cover (Web H)
เปรียบเทียบ Denza D9 กับ MG Maxus 9 ศึก MPV ไฟฟ้าห...
ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นตัวเลือกหลักของครอบครัวไทยและทั่วโลก รถ MPV พลังงานไฟฟ้าระดับพรีเมียมจึงเ...