น้ำมันเบรกคืออะไร? และสัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเบรก

/
/
น้ำมันเบรกคืออะไร? และสัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเบรก
BYD BD Auto Group

เมื่อพูดถึงระบบเบรกของรถยนต์ หลายคนอาจนึกถึงเพียงผ้าเบรกหรือจานเบรก แต่จริงๆ แล้ว น้ำมันเบรกก็เป็นหัวใจสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! เพราะทำหน้าที่เป็นตัวกลางถ่ายทอดแรงดันจากแป้นเบรกไปสู่ล้อ หากน้ำมันเบรกเสื่อมสภาพ จะส่งผลให้ระยะเบรกยาวขึ้น ประสิทธิภาพในการหยุดรถลดลง และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ การรู้จักว่าน้ำมันเบรกคืออะไร? มีกี่ประเภท? เสื่อมสภาพได้อย่างไร? และควรเปลี่ยนเมื่อใด? จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถทุกคนควรใส่ใจ เพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยและมั่นใจในทุกเส้นทาง

น้ำมันเบรกคืออะไร? และสัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเบรก

น้ำมันเบรกคืออะไร?

น้ำมันเบรก คือ ของเหลวไฮดรอลิกที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในระบบเบรกของรถยนต์ เมื่อผู้ขับเหยียบแป้นเบรก แรงดันจากแม่ปั๊มเบรกจะถูกถ่ายทอดผ่านน้ำมันเบรกไปยังลูกสูบเบรก เพื่อกดผ้าเบรกให้เสียดสีกับจานเบรกและทำให้รถหยุด

น้ำมันเบรกมีคุณสมบัติดูดซับความชื้นได้สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างประเทศไทย เมื่อใช้งานไปนานๆ น้ำมันเบรกจะเสื่อมสภาพและเปลี่ยนสีเข้มขึ้น (คล้ำหรือดำ) ส่งผลให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลง เบรกมีระยะหยุดยาวขึ้น อาจเกิดเสียงหรือทำให้จานเบรกเป็นรอยได้

ดังนั้นควรมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกเป็นประจำทุก 1-2 ปี หรือประมาณทุก 40,000 กิโลเมตร และไม่ควรปล่อยให้นานเกิน 3 ปี

ประเภทของน้ำมันเบรก

น้ำมันเบรกที่ใช้กันทั่วไปมีมาตรฐานรับรองจาก SAE (สมาคมวิศวกรรมยานยนต์อเมริกา), DOT (กรมการขนส่งของอเมริกา) และ ISO (สมาคมมาตรฐานสากล) โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้

1. DOT 3

  • จุดเดือดแห้ง : 205°C
  • จุดเดือดเปียก : 140°C
  • ใช้ Glycol Based
  • เหมาะสำหรับรถทั่วไปที่ใช้งานประจำวัน

2. DOT 4

  • จุดเดือดแห้ง : 230°C
  • จุดเดือดเปียก : 155°C
  • ใช้ Glycol Based
  • เหมาะสำหรับรถที่ขับด้วยความเร็วสูง หรือใช้งานหนักกว่าปกติ

3. DOT 5

  • จุดเดือดแห้ง : 260°C
  • จุดเดือดเปียก : 180°C
  • ใช้ Silicone Based
  • ข้อดี : ไม่ดูดซับความชื้น ทำให้เสื่อมสภาพช้ากว่า
  • ข้อควรระวัง : ห้ามใช้ปนกับ DOT 3 หรือ DOT 4 และไม่เหมาะกับระบบเบรก ABS
น้ำมันเบรกคืออะไร? และสัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเบรก

ปัจจัยที่ทำให้น้ำมันเบรกเสื่อมสภาพ

1. ความร้อน

การขับขี่ที่ต้องใช้เบรกบ่อย เช่น ลงทางชัน หรือเบรกกะทันหันบ่อยๆ จะทำให้น้ำมันเบรกดูดซับความร้อนสูง จนอุณหภูมิอาจพุ่งถึง 350-400°C หากน้ำมันเดือดและกลายเป็นไอ จะทำให้แรงดันไฮดรอลิกหายไป เกิดอาการ เบรกแตก และไม่สามารถหยุดรถได้

2. ความชื้น

น้ำมันเบรกสามารถดูดซับความชื้นจากอากาศได้ดี โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีความชื้นสูง ความชื้นนี้จะทำให้น้ำมันเบรกมีจุดเดือดต่ำลงและยังไปกัดกร่อนชิ้นส่วนโลหะ ทำให้เกิดสนิมและลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบเบรก

สัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเบรก

  • สีของน้ำมันเบรกเปลี่ยนเป็นสีเข้ม คล้ำ หรือดำ
  • ระยะเบรกยาวขึ้น ต้องใช้แรงเหยียบมากกว่าเดิม
  • มีเสียงดังเวลาเหยียบเบรก
  • แป้นเบรกนิ่มกว่าปกติ หรือรู้สึกไม่มั่นใจในการหยุดรถ

วิธีการดูแลและเปลี่ยนน้ำมันเบรกอย่างถูกต้อง

  1. เปลี่ยนทุก 1–2 ปี หรือทุก 40,000 กม.
  2. ไม่ควรปล่อยนานเกิน 3 ปี เพราะน้ำมันจะเสื่อมสภาพจนประสิทธิภาพลดลง
  3. ห้ามผสมน้ำมันเบรกต่างชนิดกัน เช่น DOT 3/4 กับ DOT 5 หากต้องการเปลี่ยนเกรด ต้องถ่ายน้ำมันเก่าออกให้หมดก่อน
  4. ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกเป็นประจำ โดยดูที่ถังพักน้ำมันเบรกใต้ฝากระโปรงรถ

สรุป

น้ำมันเบรกเป็นหัวใจสำคัญของระบบเบรกที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดแรงดันจากแป้นเบรกไปสู่ล้อ เมื่อใช้งานไปนานๆ น้ำมันเบรกจะเสื่อมสภาพเพราะความร้อนและความชื้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลงและอาจเกิดอันตรายได้

ดังนั้น ผู้ขับควรใส่ใจในการตรวจสอบและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกตามระยะที่แนะนำ พร้อมเลือกใช้น้ำมันเบรกที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับรถ เพื่อให้การขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ และเต็มประสิทธิภาพในทุกเส้นทาง

แหล่งอ้างอิง

ติดต่อเรา | จองซื้อ & ทดลองขับ

อยากเป็นเจ้าของหรือสนใจทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า Denza รถยนต์ไฟฟ้าหรูที่ตอบโจทย์ทั้งครอบครัวและสมรรถนะขั้นสุด ติดต่อ Denza BD Ultimate ได้ทุกสาขาพร้อมทีมงานให้คำปรึกษาและบริการครบวงจร

หมวดหมู่

ป้ายกำกับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

things-know-before-buying-ev-th-cover
6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับมือใหม่
รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดยานยนต์ยุคปัจจุบัน ด้วยประโยชน์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและความปร...
Brake cover
น้ำมันเบรกคืออะไร? และสัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนน้ำ...
เมื่อพูดถึงระบบเบรกของรถยนต์ หลายคนอาจนึกถึงเพียงผ้าเบรกหรือจานเบรก แต่จริงๆ แล้ว น้ำมันเบรกก็เป็นหั...
Tire cover
แรงต้านการหมุนคืออะไร? ปัจจัยสำคัญต่อการประหยัดน้ำ...
เมื่อพูดถึง “ยางรถยนต์” หลายคนอาจนึกถึงเพียงการยึดเกาะถนนหรือความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่แท้จริงแล้วยา...
cover Denza Z9 Sedan
รถยนต์ไฟฟ้า DENZA Z9 Sedan ซีดานไฟฟ้าหรูที่เปลี่ยน...
รถยนต์ไฟฟ้า DENZA Z9 Sedan คือซีดานไฟฟ้าระดับพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Denza ภายใต้เครือ BYD ท...
cover mpv_van_slide
ยอดจดทะเบียนสะสมครึ่งปีแรกของปี 2025 กลุ่ม MPV ในป...
รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมอย่าง Denza D9 ยังคงเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งในตลาดไทย โดยมียอดจดทะเบียนสะสมครึ...
Denza D9 VS Hyundai Staria-cover (Web H)
Denza D9 และ Hyundai Staria ศึก MPV เลือก MPV หรูพ...
ในยุคที่รถ MPV กลายเป็นตัวเลือกหลักของครอบครัวขนาดใหญ่และผู้บริหารที่เดินทางบ่อย รถยนต์จากฝั่งจีนและ...
Denza D9 VS MG Maxus 9-cover (Web H)
เปรียบเทียบ Denza D9 กับ MG Maxus 9 ศึก MPV ไฟฟ้าห...
ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นตัวเลือกหลักของครอบครัวไทยและทั่วโลก รถ MPV พลังงานไฟฟ้าระดับพรีเมียมจึงเ...
Denza D9 VS XPeng X9-cover (Web H)
เปรียบเทียบ Denza D9 กับ XPeng X9 ศึก MPV ไฟฟ้าหรู...
รถ MPV ไฟฟ้าระดับหรูจากจีนกำลังร้อนแรงในตลาดโลก โดยเฉพาะในปี 2025 ที่สองรุ่นยอดนิยม ได้แก่ Denza D9 ...