ปัญหารถยนต์ไฟฟ้า ที่ผู้ใช้ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ พร้อมวิธีรับมืออย่างมือโปร

รถยนต์ไฟฟ้า (EV – Electric Vehicle) กำลังเป็นกระแสมาแรงในประเทศไทยและทั่วโลก ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่แม้จะมีข้อดีมากมาย รถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ได้ “ไร้ปัญหา”
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเปลี่ยนจากรถน้ำมันมาใช้ EV บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจ “ปัญหารถยนต์ไฟฟ้า” ที่มักพบเจอ พร้อมแนะนำวิธีรับมืออย่างเหมาะสม เพื่อให้การใช้งานของคุณเต็มไปด้วยความมั่นใจ และไม่มีเรื่องกวนใจระหว่างทาง
หัวข้อ
ปัญหารถยนต์ไฟฟ้า
1. จำนวนสถานีชาร์จยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่
แม้ว่าประเทศไทยจะเริ่มมีสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือเส้นทางห่างไกลยังมีจุดชาร์จที่จำกัด ทำให้การเดินทางไกลด้วย EV อาจต้องวางแผนล่วงหน้ามากกว่ารถน้ำมัน
วิธีรับมือ
- ใช้แอปพลิเคชันเช่น EV Station PluZ, EA Anywhere, EleX by EGAT เพื่อดูจุดชาร์จ
- เลือกรถที่มีระยะทางวิ่งต่อการชาร์จสูง (500+ กม.)
- พิจารณาติดตั้ง Wallbox ชาร์จที่บ้านไว้เป็นแหล่งชาร์จประจำ
2. ระยะเวลาชาร์จนานกว่าการเติมน้ำมัน
การชาร์จไฟฟ้า แม้จะสะดวกและประหยัดกว่า แต่ใช้เวลานาน โดยเฉพาะหากเป็น AC Charger (ชาร์จธรรมดา) ซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมง ต่างจากการเติมน้ำมันที่ใช้ไม่เกิน 5 นาที
วิธีรับมือ
- ใช้ DC Fast Charging หากต้องเดินทางไกล (ใช้เวลาประมาณ 30–45 นาที)
- วางแผนชาร์จไว้ล่วงหน้า เช่น ชาร์จขณะนอนหลับหรือจอดรถตอนทำงาน
- พกสายชาร์จติดรถเผื่อกรณีฉุกเฉิน
3. ราคาแบตเตอรี่ยังสูง และอายุการใช้งานจำกัด
แม้ว่าแบตเตอรี่ของ EV จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 8–10 ปี แต่หากต้องเปลี่ยนแบตใหม่ ราคายังถือว่าสูง (หลักแสนบาท) และถือเป็นต้นทุนระยะยาวที่ควรคำนึงถึง
วิธีรับมือ
- ตรวจสอบระยะเวลารับประกันแบตเตอรี่ (หลายแบรนด์ให้ 8 ปี หรือ 160,000 กม.)
- หลีกเลี่ยงการชาร์จจนเต็ม 100% หรือใช้จนแบตเหลือน้อยเกินไปบ่อยๆ
- เลือกรถที่ใช้แบตเตอรี่แบบ LFP หรือ Blade Battery ที่ทนทานและปลอดภัยกว่า
4. ศูนย์บริการและช่างผู้เชี่ยวชาญยังจำกัด
EV เป็นรถเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง ช่างทั่วไปหรืออู่ซ่อมอาจยังไม่มีความชำนาญเทียบเท่ารถเครื่องยนต์สันดาป (ICE)
วิธีรับมือ
- เลือกแบรนด์ที่มีศูนย์บริการรองรับทั่วประเทศ
- สอบถามข้อมูลศูนย์ซ่อม–อะไหล่–การรับประกันล่วงหน้า
- ตรวจสอบว่ามีระบบ OTA (Over-the-Air) หรือศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินหรือไม่
5. เสียงรบกวนจากระบบเบรก / เสียงยางมากขึ้น
เนื่องจากรถ EV ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ เสียงที่เคยถูกกลบไว้ เช่น เสียงเบรก เสียงยาง หรือเสียงลม จึงเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะในความเร็วต่ำ–กลาง
วิธีรับมือ
- ใช้ยางคุณภาพสูง / ยางแบบ Low Noise
- ตรวจเช็กระบบช่วงล่างและระบบเบรกให้สมบูรณ์
- ติดฉนวนกันเสียงเพิ่มเติมหากต้องการความเงียบสูงสุด
6. ราคาขายต่อในตลาดมือสองยังไม่นิ่ง
เนื่องจาก EV เป็นของใหม่ในตลาด ราคาขายต่อยังไม่นิ่งเท่ารถน้ำมัน ผู้ซื้อบางกลุ่มอาจกังวลเรื่องค่าเสื่อมราคา
วิธีรับมือ
- เลือกรุ่นที่เป็นที่นิยมในตลาด
- เช็กราคารีเซลของแต่ละรุ่นจากแพลตฟอร์มขายรถมือสอง
- พิจารณาใช้แพ็กเกจเช่าซื้อ / EV Subscription ที่บางแบรนด์มีให้บริการ
7. ความเคยชินในการขับขี่แตกต่างจากรถน้ำมัน
ระบบเบรก, อัตราเร่ง, การถอยหลัง หรือการควบคุมพลังงานของรถ EV อาจให้ความรู้สึกต่างจากรถน้ำมัน ทำให้บางคนต้องใช้เวลาปรับตัว
วิธีรับมือ
- ทดสอบขับหลายรุ่นก่อนตัดสินใจซื้อ
- เรียนรู้ระบบ Regen Braking (เบรกแบบชาร์จไฟกลับ)
- ใช้โหมด Eco หรือ Comfort Mode ช่วยให้ขับขี่ง่ายขึ้น
สรุป
รถยนต์ไฟฟ้าแม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีปัญหาและข้อควรพิจารณาที่ไม่ควรมองข้ามโดยเฉพาะเรื่องสถานีชาร์จ แบตเตอรี่ และความคุ้นเคยของผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม หากคุณวางแผนการใช้งานให้เหมาะสม เลือกรุ่นที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ และมีบริการหลังการขายที่มั่นใจได้ – รถ EV จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว
ศึกษาให้ดี แล้ว EV จะเป็นเพื่อนคู่ใจที่ขับขี่เงียบ ประหยัด และรักษ์โลกในทุกเส้นทางของคุณครับ
ติดต่อเรา
- สถานที่
- สาขาสงขลา : 312 หมู่ 7 ตำบลบางกล่ำ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 (โชว์รูมเดนซ่า บีดี อัลติเมท สงขลา)
- สาขาภูเก็ต : 99/99 หมู่ 5 อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 83000
- Facebook : Denza BD Ultimate
- Instagram : Denza BD Ultimate
- Youtube : Denza BD Ultimate
- Tiktok : Denza BD Ultimate
- LINE : Denza BD Ultimate
- ทดลองขับ : คลิกเลย!