ค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ

การซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และมีต้นทุนการบำรุงรักษาที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอาจต้องพิจารณาหลายปัจจัย รวมถึงค่าใช้จ่ายเบื้องต้นและค่าใช้จ่ายในระยะยาว บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างคุ้มค่าและมีข้อมูลครบถ้วน
หัวข้อ
ค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
- ราคาซื้อเริ่มต้นของรถยนต์ไฟฟ้า
- ปัจจุบันราคาของรถยนต์ไฟฟ้ามีหลากหลายช่วงราคา ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นพรีเมียม
- ตัวอย่างราคาของรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น
- Nissan Leaf : ประมาณ 1,200,000 – 1,500,000 บาท
- Tesla Model 3 : ประมาณ 2,500,000 – 3,000,000 บาท
- MG ZS EV : ประมาณ 900,000 – 1,200,000 บาท
- BYD Atto 3 : ประมาณ 1,099,900 – 1,199,900 บาท
- Denza D9 : ประมาณ 2,500,000 – 3,500,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายด้านภาษีและค่าจดทะเบียน
- รถยนต์ไฟฟ้าได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีจากรัฐบาล เช่น การลดภาษีสรรพสามิต และค่าจดทะเบียนที่ถูกกว่ารถยนต์สันดาปภายใน
- ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
- ค่าจดทะเบียน: 2,000 – 5,000 บาท
- พ.ร.บ. รถยนต์ไฟฟ้า: 600 – 1,000 บาทต่อปี
- ค่าใช้จ่ายด้านประกันภัย
- ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าสามารถมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันตามรุ่นรถและบริษัทประกัน
- ประกันชั้น 1 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นมีค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 – 40,000 บาทต่อปี
- ค่าใช้จ่ายด้านการชาร์จไฟฟ้า
- การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านผ่าน Wall Charger จะช่วยลดต้นทุนการเดินทาง
- ค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยในการชาร์จ
- ค่าไฟต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) : ประมาณ 4 – 6 บาท
- รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉลี่ยมีอัตราการใช้พลังงาน 15 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 100 กม. ประมาณ 60 – 90 บาท
- ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสถานีชาร์จที่บ้าน
- ค่าติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (Wallbox) อยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องชาร์จ
- ค่าใช้จ่ายด้านบำรุงรักษา
- รถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่ารถยนต์สันดาปภายใน ทำให้ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า
- ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเบื้องต้น
- การเปลี่ยนแบตเตอรี่ (เฉลี่ยทุก 8-10 ปี) : 200,000 – 500,000 บาท
- การเปลี่ยนยางเบรก น้ำหล่อเย็น และการตรวจเช็กทั่วไป
- ค่าเสื่อมราคา
- รถยนต์ไฟฟ้ายังคงมีแนวโน้มค่าเสื่อมราคาที่ต่ำกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิลในระยะยาว เนื่องจากตลาดมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น
- สิทธิประโยชน์และเงินสนับสนุนจากภาครัฐ
- ในบางประเทศหรือบางพื้นที่ รัฐบาลอาจมีการให้เงินอุดหนุนหรือสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น การลดราคาซื้อ หรือการยกเว้นภาษี
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
- ระยะการขับขี่ต่อการชาร์จ
- โครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จ
- ต้นทุนการบำรุงรักษา
- งบประมาณและแหล่งเงินทุน
สรุป
การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างไรก็ตาม การพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นราคาซื้อ ค่าจดทะเบียน ค่าประกัน และค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและตรงตามความต้องการมากที่สุด
ติดต่อเรา
- สถานที่
- สาขาสงขลา : DENZA BD ULTIMATE SONGKHLA (โชว์รูมเดนซ่า บีดี อัลติเมท สงขลา)
- สาขาภูเก็ต : 99/99 หมู่ที่ 5 อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
- Facebook : Denza BD Ultimate
- LINE : Denza BD Ultimate
- ทดลองขับ : คลิกเลย!
Post Views: 28
หมวดหมู่
ป้ายกำกับ
บทความที่น่าสนใจ
รถยนต์ไฟฟ้า Denza Z9 GT คือรถสเตชั่นแวกอนระดับไฮเอนด์รุ่นล่าสุดจาก Denza ที่ผสานความหรูหรา สมรรถนะ และเทคโนโลยีล้ำสมัยเข...
รถยนต์ไฟฟ้า Denza N7 เป็น Premium SUV พลังงานไฟฟ้า (EV) แบบ Fastback Coupe จาก Denza บริษัทในเครือ BYD โดยมีขนาดใกล้เคีย...
หัวเหว่ย (Huawei) แบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกจากประเทศจีน ไม่ได้เพียงแค่เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฟนและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเท...
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ใช้งานได้หลากหลาย และเหมาะสำหรับครอบครัวหรือการเดินทางระยะไกล MPV (Multi-Pur...
Denza D9 รถยนต์ MPV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมจาก BYD ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากประเทศจีน โดย Denza เป็นแบรนด์ย่อ...
Denza เป็นแบรนด์รถยนต์ที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์การใช้งานข...
กำลังเพิ่มข้อมูล