ค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ

ค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ
BYD BD Auto Group

การซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และมีต้นทุนการบำรุงรักษาที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอาจต้องพิจารณาหลายปัจจัย รวมถึงค่าใช้จ่ายเบื้องต้นและค่าใช้จ่ายในระยะยาว บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างคุ้มค่าและมีข้อมูลครบถ้วน

ค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

  1. ราคาซื้อเริ่มต้นของรถยนต์ไฟฟ้า
    • ปัจจุบันราคาของรถยนต์ไฟฟ้ามีหลากหลายช่วงราคา ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นพรีเมียม
    • ตัวอย่างราคาของรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น
      • Nissan Leaf : ประมาณ 1,200,000 – 1,500,000 บาท
      • Tesla Model 3 : ประมาณ 2,500,000 – 3,000,000 บาท
      • MG ZS EV : ประมาณ 900,000 – 1,200,000 บาท
      • BYD Atto 3 : ประมาณ 1,099,900 – 1,199,900 บาท
      • Denza D9 : ประมาณ 2,500,000 – 3,500,000 บาท
  2. ค่าใช้จ่ายด้านภาษีและค่าจดทะเบียน
    • รถยนต์ไฟฟ้าได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีจากรัฐบาล เช่น การลดภาษีสรรพสามิต และค่าจดทะเบียนที่ถูกกว่ารถยนต์สันดาปภายใน
    • ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
      • ค่าจดทะเบียน: 2,000 – 5,000 บาท
      • พ.ร.บ. รถยนต์ไฟฟ้า: 600 – 1,000 บาทต่อปี
  3. ค่าใช้จ่ายด้านประกันภัย
    • ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าสามารถมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันตามรุ่นรถและบริษัทประกัน
    • ประกันชั้น 1 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นมีค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 – 40,000 บาทต่อปี
  4. ค่าใช้จ่ายด้านการชาร์จไฟฟ้า
    • การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านผ่าน Wall Charger จะช่วยลดต้นทุนการเดินทาง
    • ค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยในการชาร์จ
      • ค่าไฟต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) : ประมาณ 4 – 6 บาท
      • รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉลี่ยมีอัตราการใช้พลังงาน 15 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร
      • ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 100 กม. ประมาณ 60 – 90 บาท
  5. ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสถานีชาร์จที่บ้าน
    • ค่าติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (Wallbox) อยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องชาร์จ
  6. ค่าใช้จ่ายด้านบำรุงรักษา
    • รถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่ารถยนต์สันดาปภายใน ทำให้ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า
    • ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเบื้องต้น
      • การเปลี่ยนแบตเตอรี่ (เฉลี่ยทุก 8-10 ปี) : 200,000 – 500,000 บาท
      • การเปลี่ยนยางเบรก น้ำหล่อเย็น และการตรวจเช็กทั่วไป
  7. ค่าเสื่อมราคา
    • รถยนต์ไฟฟ้ายังคงมีแนวโน้มค่าเสื่อมราคาที่ต่ำกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิลในระยะยาว เนื่องจากตลาดมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น
  8. สิทธิประโยชน์และเงินสนับสนุนจากภาครัฐ
    • ในบางประเทศหรือบางพื้นที่ รัฐบาลอาจมีการให้เงินอุดหนุนหรือสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น การลดราคาซื้อ หรือการยกเว้นภาษี

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

  1. ระยะการขับขี่ต่อการชาร์จ
  2. โครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จ
  3. ต้นทุนการบำรุงรักษา
  4. งบประมาณและแหล่งเงินทุน

สรุป

การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างไรก็ตาม การพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นราคาซื้อ ค่าจดทะเบียน ค่าประกัน และค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและตรงตามความต้องการมากที่สุด

ติดต่อเรา

บทความที่น่าสนใจ

Denza Z9 GT Denza Z9 GT-cover (Web H)
รถยนต์ไฟฟ้า Denza Z9 GT คือรถสเตชั่นแวกอนระดับไฮเอนด์รุ่นล่าสุดจาก Denza ที่ผสานความหรูหรา สมรรถนะ และเทคโนโลยีล้ำสมัยเข...
Denza N7 Denza N7-cover (Web H)
รถยนต์ไฟฟ้า Denza N7 เป็น Premium SUV พลังงานไฟฟ้า (EV) แบบ Fastback Coupe จาก Denza บริษัทในเครือ BYD โดยมีขนาดใกล้เคีย...
Denza d9 (Web H)
หัวเหว่ย (Huawei) แบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกจากประเทศจีน ไม่ได้เพียงแค่เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฟนและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเท...
MPV คืออะไร
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ใช้งานได้หลากหลาย และเหมาะสำหรับครอบครัวหรือการเดินทางระยะไกล MPV (Multi-Pur...
ฟังก์ชั่นพิเศษ Denza D9
Denza D9 รถยนต์ MPV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมจาก BYD ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากประเทศจีน โดย Denza เป็นแบรนด์ย่อ...
เปรียบเทียบสเปก Denza D9 ทั้ง 2 รุ่น
Denza เป็นแบรนด์รถยนต์ที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์การใช้งานข...
กำลังเพิ่มข้อมูล